ประจำวันที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
บันทึกอนุทินครั้งที่5
เด็กที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ (Children with Learning Disabilities)
เรียกย่อๆ ว่า L.D. (Learning Disabilities)เด็กที่มีปัญหาทาการเรียนรู้เฉพาะอย่าง
ไม่นับรวมเด็กที่มีปัญหาเพียงเล็กน้อยทางการเรียน เด็กมีปัญหาเนื่องจากความพิการ หรือความบกพร่องทางร่างกาย
สาเหตุของ L.D.
ความผิดปกติของการทำงานของสมองที่ไม่สามารถถอดรหัสตัวอักษรออกมาได้ (เชื่อมโยงภาพตัวอักษรเข้ากับเสียงไม่ได้)
กรรมพันธุ์
1.ด้านการอ่าน (Reading Disorder)
อ่านหนังสือช้า ต้องสะกดทีละคำ
อ่านออกเสียงไม่ชัด ออกเสียงผิด หรืออาจข้ามคำที่อ่านไม่ได้ไปเลย
ไม่เข้าใจเนื้อหาที่อ่าน หรือจับใจความสำคัญไม่ได้ ตัวอย่าง
อ่านช้า อ่านคำต่อคำ ต้องสะกดคำจึงจะอ่านได้อ่านออกเสียงไม่ชัดเจนเดาคำเวลาอ่านอ่านข้าม อ่านเพิ่มคำ อ่านผิดประโยคหรือผิดตำแหน่งอ่านโดยไม่เน้นคำ หรือเน้นข้อความบางตอนผันเสียงวรรณยุกต์ไม่ได้ไม่รู้ความหมายของเรื่องที่อ่านเล่าเรื่องที่อ่านไม่ได้ จับใจความสำคัญไม่ได้
2.ด้านการเขียน (Writing Disorder)
เขียนตัวหนังสือผิด สับสนเรื่องการม้วนหัวอักษร เช่น ม เป็น น หรือจาก ภ เป็น ถ เป็นต้นเขียนตามการออกเสียง เช่น ประเภท เขียนเป็น ประเพดเขียนสลับ เช่น สถิติ เขียนเป็น สติถิลักษณะของเด็ก L.D. ด้านการเขียนลากเส้นวนๆ ไม่รู้ว่าจะม้วนหัวเข้าในหรือออกนอก ขีดวนๆ ซ้ำๆเรียงลำดับอักษรผิด เช่น สถิติ เป็น สติถิเขียนพยัญชนะหรือตัวเลยสลับกัน เช่น ม-น,ภ-ถ,ด-ค,พ-ผ,b-d,p-q,6-9 เขียนพยัญชนะ ก-ฮ ไม่ได้แต่บอกให้เขียนเป็นตัวๆ ได้เขียนพยัญชนะ หรือ ตัวเลขกลับด้าน คล้ายมองจากกระจกเงาเขียนคำตามตัวสะกด เช่น เกษตร เป็น กะเสดจับดินสอหรือปากกาแน่นมาก *เขียนกดแรง มีลอยลบบ่อยเวลาเขียนสะกดคำผิด โดยเฉพาะคำพ้องเสียง ตัวสะกดแม่เดียวกัน ตัวการันต์เขียนหนังสือช้า เพราะ กลัวสะกดผิดเขียนไม่ตรงบรรทัด ขนาดตัวอักษรไม่เท่ากีน ไม่เว้นขอบ ไม่เว้นช่องไฟลบบ่อยๆ เขียนทับคำเดิมหลายครั้ง
อ่านหนังสือช้า ต้องสะกดทีละคำ
อ่านออกเสียงไม่ชัด ออกเสียงผิด หรืออาจข้ามคำที่อ่านไม่ได้ไปเลย
ไม่เข้าใจเนื้อหาที่อ่าน หรือจับใจความสำคัญไม่ได้ ตัวอย่าง
- จาน ---> จาง/บา
- ง่วง ---> ม่วม/ม่ง/ง่ง
- เลย ---> เล
- โบราณ ---> โบรา
- หนังสือ ---> สือ
- อรัญ ---> อะรัย ลักษณะของเด็ก L.D. ด้านการอ่าน
อ่านช้า อ่านคำต่อคำ ต้องสะกดคำจึงจะอ่านได้อ่านออกเสียงไม่ชัดเจนเดาคำเวลาอ่านอ่านข้าม อ่านเพิ่มคำ อ่านผิดประโยคหรือผิดตำแหน่งอ่านโดยไม่เน้นคำ หรือเน้นข้อความบางตอนผันเสียงวรรณยุกต์ไม่ได้ไม่รู้ความหมายของเรื่องที่อ่านเล่าเรื่องที่อ่านไม่ได้ จับใจความสำคัญไม่ได้
2.ด้านการเขียน (Writing Disorder)
เขียนตัวหนังสือผิด สับสนเรื่องการม้วนหัวอักษร เช่น ม เป็น น หรือจาก ภ เป็น ถ เป็นต้นเขียนตามการออกเสียง เช่น ประเภท เขียนเป็น ประเพดเขียนสลับ เช่น สถิติ เขียนเป็น สติถิลักษณะของเด็ก L.D. ด้านการเขียนลากเส้นวนๆ ไม่รู้ว่าจะม้วนหัวเข้าในหรือออกนอก ขีดวนๆ ซ้ำๆเรียงลำดับอักษรผิด เช่น สถิติ เป็น สติถิเขียนพยัญชนะหรือตัวเลยสลับกัน เช่น ม-น,ภ-ถ,ด-ค,พ-ผ,b-d,p-q,6-9 เขียนพยัญชนะ ก-ฮ ไม่ได้แต่บอกให้เขียนเป็นตัวๆ ได้เขียนพยัญชนะ หรือ ตัวเลขกลับด้าน คล้ายมองจากกระจกเงาเขียนคำตามตัวสะกด เช่น เกษตร เป็น กะเสดจับดินสอหรือปากกาแน่นมาก *เขียนกดแรง มีลอยลบบ่อยเวลาเขียนสะกดคำผิด โดยเฉพาะคำพ้องเสียง ตัวสะกดแม่เดียวกัน ตัวการันต์เขียนหนังสือช้า เพราะ กลัวสะกดผิดเขียนไม่ตรงบรรทัด ขนาดตัวอักษรไม่เท่ากีน ไม่เว้นขอบ ไม่เว้นช่องไฟลบบ่อยๆ เขียนทับคำเดิมหลายครั้ง
3.ด้านการคิดคำนวณ (Mathematics Disorder)
ตัวเลขผิดลำดับไม่เข้าในเรื่องราวการทดเลขหรือการยืมเลขเวลาทำการบวกหรือลบไม่เข้าใจหลักเลขหน่วย สิบ ร้อยแก้โจทย์ปัญาเลขไม่ได้ ลักษณะของเด็ก L.D. ด้านการคำนวไม่เข้าใจค่าของตัวเลขเช่นหลักหน่วยสือ ร้อย พัน หมื่น เป็นเท่าใดนับเลขไปข้างหน้าหรือถอยหลังไม่ได้คำนวณบวก ลบ คูณ หาร โดยการนับนิ้ว จำสูตรคูณไม่ได้ เขียนเลขกลับกันเช่น 13 เป็น 31ทดไม่เป็นยืมไม่เป็นตีโจทย์เลขไม่ออก
คำนวณเลขจากซ้ายไปขวาแทนที่จะทำจากขวาไปซ้ายไม่เข้าในเรื่องเวลา
4.หลาย ๆ ด้านร่วมกัน เขียน/อ่าน/คำนวณ
อาการที่มักเกิดร่วมกันกับ L.D.
- แยกแยะขนาดสีและรูปร่างไม่ออก
- มีปัญหาความเข้าใจเกี่ยวกับเวลา
- เขียน/อ่านตัวอักษรสลับซ้าย-ขวา
- งุ่มง่ามการประสานงานของกล้ามเนื้อไม่ดี
- การประสานงานของสายตา-กล้ามเนื้อไม่ดี
- สมาธิไม่ได้ (เด็ก L.D. ร้อยละ 15-20 มีสมาธิสั้น ADHD ร่วมด้วย)
- เขียนตามแบบไม่ค่อยได้
- ทำงานช้า
- การวางแผนงานและจัดระบบไม่ดี
- ฟังคำสั่งสับสน
- คิดแบบนามธรรมหรือคิดแก้ปัญหาไม่ค่อยดี
- ความคิดสับสนไม่เป็นขั้นตอน
- ความจำระยะสั้น/ยาวไม่ดี
- ถนัดซ้ายหรือถนัดทั้งซ้ายและขวา
- ทำงานสับสนไม่เป็นข้ันตอน
ออทิสติก (Autistic)
หรือ ออทิซึ่ม (Autism)เด็กที่ไม่สามารถมีปฏสัมพันธ์กับผู้อื่นไม่สามารถเข้าใจคำพูด ความรู้สึกและความต้องการของผู้อื่นไม่สามารถที่จะสื่อสารกับคนรอบข้างและสังคมเด็กออทิสติกแต่ละคนจะมีเอกลักษณ์ของตนเองติดตัวเด็กไปตลอดชีวิต
- ทักษะภาษา
- ทักษะทางสังคม
- ทักษะการเคลื่อนไหว
- ทักษะการรับรู้เกี่ยวกับรูปทรง ขนาดและพื้นที่
- ลักษณะของเด็กออทิสติก
อยู่ในโลกของตนเอง *คิดอะไรในหัวเยอะ
ไม่เข้าไปหาใครเพื่อให้ปลอบใจ
ไม่เข้าไปเล่นในกลุ่มเพื่อน
ไม่ยอมพูด
เคลื่อนไหวแบบซ้ำๆ
- ดูหน้าแม่ ---> ไม่มองตา
- หันไปตามเสียง ---> เหมือนหหูหนวก
- เรียนรู้คำพูดเพิ่มเติม ---> เคยพูดได้ต่อมาหยุดพูด
- ร้องเมื่อมีคนแปลกหน้าเข้าใกล้ ---> ไม่สนใจคนรอบข้าง
- จำหน้าแม่ได้ ---> บางคนก็จำคนไม่ได้
- เปลี่ยนของเล่น ---> นั่งเล่นอย่างใดอย่างหนึ่ง
- เคลื่อนไหวอย่างมีจุดมุ่งหมาย ---> มีพฤติกรรมแปลกๆ
- สำรวจและเล่นตุ๊กตา ---> ดมหรือเลียตุ๊กตา
- ชอบความสุขและกลัวความเจ็บ ---> ไม่รู้สึกเจ็บปวด ชอบทำร้ายตัวเอง และคนรอบข้างเกณฑ์การวินิจฉัยออทิสติกองค์การอนามัยโลกและสมาคมจิตแพทย์อเมริกา
ความผิดปกติของปฏิสัมพันธ์ทางสังคม อย่างน้อย 2 ข้อ
ไม่สามารถใช้ภาษาท่าทางสื่อสารทางสังคมกับบุคคลอื่น
ไม่สามารถสร้างสัมพันธ์ภาพกับบุคคลให้เหมาะสมตามวัย
ขาดความสามารถในการแสวงหาการมีกิจกรรม ความสนใจ และความสนุกสนานร่วมกับผู้อื่น
ขาดทักษะการสื่อสารทางสังและทางอารมณ์กับผู้อื่น ความผิดปกติด้านการสื่อสาร อย่างน้อย 1 ข้อ
มีความล่าช้าหรือไม่มีการพัฒนาในด้านภาษาพูด
ในรายที่สามารถพูดได้แต่ไม่สามารถที่จะเริ่มต้นบทสนทนาหรือโต้ตอบบทสนทนากับผู้อื่นได้อย่างเหมาะสม
พูดซ้ำๆ หรือมีรูปแบบจำกัดในการใช้ภาษา เพื่อสื่อสารหรือส่งเสียงไม่เป็นภาษาอย่างไม่เหมาะสม
ไม่สามารถเล่นสมมุติหรือลอกตามจินตนาการได้เหมาะสมกับระดับพัฒนาการ มีพฤติกรรม ความสนใจ และกิจกรรที่ซ้ำๆ และจำกัด อย่างน้อย 1 ข้อ
มีความสนใจที่ซ้ำๆ อย่างผิดปกติ
มีกิจวัตรประจำวันหรือกฎเกณฑ์ที่ต้องทำไม่สามารถยืดหยุ่นได้ ถึงแม้ว่ากิจวัตรหรือกฎเกณฑ์นั้นจะไม่มีประโยชน์
มีการเคลื่อนไวร่างกายซ้ำๆ
สนในเพียงบางส่วนของวัตถุ พฤติกรรมทำซ้ำ
นั่งเคาะโต๊ะ หรือโบกมือนานเป็นชั่วโมง
นั่งโยกหน้าโยกหลังเป็นเวลานาน
วิ่งเข้าห้องนี้ไปห้องโน้น
ไม่ยอมให้เปลี่ยนสิ่งแวดล้อม พบความผิดปกติ อย่างน้อย 1 ด้าน (ก่อนอายุ 3 ขวบ)
ปฏิสัมพันธ์ทางสังคม
- การใช้ภาษาเพื่อสื่อความหมาย
- การเล่นสมมติหรือการเล่นตามจินตนาการAutistic Savant ออทิสติกอัจฉริยะ
กลุ่มที่คิดด้วยภาพ (Visual Thinker)
- จะใช้การคิดแบบอุปนัย (Bottom up Thinking)
- กลุ่มที่คิดโดยไม่ใช้ภาพ (Music,Math and Memory Thinker)
- จะใช้การคิดแบบนิรนัย (Top down Thinking)
ความรู้ที่ได้รับ
- ได้ รับความรู้ในเรื่องของเด็กที่มีความต้องการพิเศษของโรค LD โรคออทิสติก รู้ถึงลักษณะของเด็กที่มีความต้องการพิเศษต่างๆ และรวมไปถึงเกณฑ์การวินิจฉัย
ประเมินเพื่อนร่วมห้อง
- เพื่อนโดยรวมมีความตั้งใจเรียน มีความพร้อมในการเรียน มีเล่นหรือคุยบ้างเล็กน้อย
ประเมินอาจารย์
- อาจารย์เข้าสอนตรงเวลา มีสื่อการสอนที่หลากหลาย มีคลิปวีดีโอยกตัวอย่างให้นักศึกษาได้ดู
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น